เปรียบเทียบ
ความแตกต่าง

Trans PRK

หน้าแรก > Trans PRK

Trans PRK เลสิคไร้สัมผัส ทางเลือกใหม่ในการรักษาค่าสายตา

Trans PRK เลสิคไร้สัมผัส กับเลสิคหมอจตุพร ทางเลือกสำหรับคนสายตาสั้น กระจกตาบาง หรือไม่เหมาะกับเลสิคทั่วไป ปลอดภัย และเหมาะกับนักเรียนเตรียมทหาร ตำรวจ หรือผู้ที่มีกระจกตาบาง

ตำรวจ

          ในยุคที่คนจำนวนมากมีค่าสายตาเปลี่ยนแปลงจากการใช้ชีวิตติดหน้าจอ Trans PRK กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความสนใจมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีเลสิคไร้สัมผัส (No-touch Laser) ที่สามารถรักษาค่าสายตาสั้นและสายตาเอียงได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย โดยไม่ต้องเปิดฝากระจกตาเหมือนการทำเลสิคแบบเดิม สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีรักษาสายตาแบบไม่ต้องกังวลเรื่องแผลเปิด หรืออาชีพที่ต้องหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนจาก flap การทำ Trans PRK อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังตามหา บทความนี้จะพาไปรู้จักเทคโนโลยีนี้อย่างละเอียด พร้อมแนะแนวทางการเตรียมตัว ข้อดี ข้อจำกัด และผลการรักษาที่คุณควรรู้
         เทคโนโลยี Trans PRK ใช้เลเซอร์ Excimer ยิงลงบนผิวกระจกตาชั้นนอกโดยตรง เพื่อปรับความโค้งของกระจกตาให้เหมาะกับค่าสายตาแต่ละบุคคล โดยไม่ต้องเปิด flap หรือแตะเนื้อเยื่อภายในตา วิธีนี้จึงลดความเสี่ยงจากแผลผ่าตัด ลดการเกิดตาแห้ง และเหมาะกับผู้ที่มีข้อจำกัดทางโครงสร้างตา เช่น กระจกตาบาง ตาแห้ง หรือมีอาชีพที่ต้องเผชิญแรงกระแทกบ่อย นอกจากนี้ Trans PRK ยังใช้ระยะเวลาในการรักษาสั้น และผลลัพธ์ด้านค่าสายตาไม่ต่างจากเลสิคแบบเดิม ทำให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ความปลอดภัย ความสบายใจ และคุณภาพการมองเห็นในระยะยาวพ

Trans PRK เหมาะกับใคร? เลสิคไร้สัมผัสช่วยรักษาค่าสายตาได้หรือไม่

Trans PRK หรือเลสิคไร้สัมผัสนั้น เหมาะสำหรับรักษาค่าสายตาให้แก่ผู้ที่มีสายตาสั้นและเอียงไม่เกิน 600 โดยเฉพาะกลุ่มที่มีข้อจำกัดด้านความหนาของกระจกตา มีอาการตาแห้ง ตาเล็ก หรือเบ้าตาลึก ซึ่งไม่สามารถทำเลสิคแบบเปิดฝากระจกตาได้ อีกทั้งยังเหมาะกับผู้ที่มีอาชีพเสี่ยง เช่น ทหาร ตำรวจ หรือนักกีฬาที่อาจเกิดการกระแทกบริเวณดวงตา เพราะเมื่อแผลหายแล้วกระจกตาจะไม่มีรอยต่อใด ๆ เหลืออยู่เลย

เทคโนโลยี Trans PRK คืออะไร?

Trans PRK หรือชื่อเต็มว่า Transepithelial Photorefractive Keratectomyคือหนึ่งในวิธีการรักษาสายตาด้วยเลเซอร์ที่เรียกได้ว่า “ไร้การสัมผัส” (No-touch Laser Eye Surgery) เพราะเป็นเทคนิคที่ไม่จำเป็นต้องเปิดฝากระจกตา (flap) เหมือนการทำเลสิคแบบดั้งเดิม กระบวนการนี้ใช้ Excimer Laser ยิงผ่านผิวกระจกตาชั้นบนสุดที่เรียกว่า เพื่อปรับความโค้งของกระจกตาโดยตรงให้ตรงกับค่าสายตา ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการเปิด flap และเหมาะกับผู้ที่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับกระจกตาหรือดวงตาอื่น ๆ

           ความพิเศษของ Trans PRK อยู่ที่การผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำให้สูงขึ้นอีกขั้น โดยที่เลสิคหมอจตุพรเลือกใช้เครื่อง WaveLight EX500 Excimer Laser จาก Alcon ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีรักษาสายตาด้วยเลเซอร์ จุดเด่นของเครื่องรุ่นนี้คือ Perfect Pulse Technologyที่ควบคุมพลังงานของเลเซอร์ในทุกจุดอย่างเสถียรและแม่นยำ ช่วยให้กระจกตาถูกปรับรูปร่างอย่างเรียบเนียนและมีประสิทธิภาพสูงสุด

          นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ Iris Registration ซึ่งเป็นระบบถ่ายภาพม่านตาแบบเฉพาะบุคคล ทำให้สามารถจับตำแหน่งแกนเอียงของดวงตาได้อย่างแม่นยำ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการรักษาภาวะสายตาเอียงที่ต้องการความละเอียดสูง โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีค่าความเอียงซับซ้อนหรือแกนเอียงไม่ตรงศูนย์

          ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ Trans PRK จึงเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่ของความแม่นยำ ความปลอดภัย และการลดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีข้อจำกัดเรื่องความหนาของกระจกตา หรือผู้ที่ประกอบอาชีพที่เสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนดวงตา

ข้อดีของการทำ Trans PRK

Trans PRK ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีจุดเด่นที่เหนือกว่าเลสิคแบบดั้งเดิมในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องความแม่นยำและความปลอดภัย โดยข้อดีหลักของ Trans PRK นั้นมีดังนี้

Trans PRK เหมาะกับผู้ประกอบอาชีพมีความเสี่ยงทางกายภาพ นักบิน ทหาร ตำรวจ รวม ถึงนักกีฬา และผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง
ไม่ต้องเปิดฝากระจกตา Trans PRK เป็นเทคนิคแบบไร้ flap ที่ไม่จำเป็นต้องแยกชั้นกระจกตาเหมือนเลสิคทั่วไป ทำให้ลดความเสี่ยงจากภาวะ flap เคลื่อนหรือฉีกขาดในระหว่างหรือหลังการผ่าตัด ซึ่งเป็นข้อกังวลสำคัญในผู้ที่มีไลฟ์สไตล์หรืออาชีพที่เสี่ยงต่อการกระแทกบริเวณใบหน้า
ไม่มีรอยต่อบนกระจกตาหลังแผลหาย เมื่อเยื่อบุกระจกตาสร้างขึ้นมาใหม่หลังผ่าตัด ผิวกระจกตาจะกลับมาเป็นเนื้อเยื่อต่อเนื่องเหมือนเดิม ไม่มีรอยต่อจากการผ่า flap จึงคงความแข็งแรงของกระจกตาได้ใกล้เคียงกับสภาพก่อนการรักษา เหมาะกับผู้ที่ต้องการรักษาความแข็งแรงของดวงตาระยะยาว
โอกาสตาแห้งน้อยกว่าเลสิคแบบ flap การเปิด flap ในเลสิคแบบดั้งเดิมอาจกระทบเส้นประสาทรับความรู้สึกบริเวณกระจกตา ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของอาการตาแห้งในระยะหลังผ่าตัด แต่ใน Trans PRK เส้นประสาทเหล่านี้จะถูกรบกวนน้อยกว่ามาก จึงมีรายงานว่าอาการตาแห้งหลังทำมีแนวโน้มต่ำกว่าอย่างชัดเจน
เหมาะกับผู้ที่มีกระจกตาบาง หรือข้อจำกัดทางสายตาอื่น ๆ เนื่องจากไม่ต้องเปิด flap และสามารถขัดกระจกตาได้โดยใช้ความลึกน้อยกว่า Trans PRK จึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยในผู้ที่มีความหนากระจกตาน้อยหรือไม่สามารถทำเลสิคแบบ flap ได้ด้วยเหตุผลทางคลินิกอื่น ๆ
เหมาะกับผู้ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงทางกายภาพ เช่น นักบิน ทหาร ตำรวจ อาชีพเหล่านี้มักมีข้อห้ามในการทำเลสิคแบบ flap เพราะเสี่ยงต่อการกระแทกอย่างรุนแรง หาก flap เคลื่อนหรือหลุด อาจมีผลกระทบต่อการมองเห็นได้ Trans PRK จึงเป็นเทคนิคที่ได้รับการยอมรับในกลุ่มอาชีพดังกล่าว รวมถึงนักกีฬา และผู้ชื่นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง
เจ็บน้อยกว่าการทำ PRK แบบดั้งเดิม Trans PRK พัฒนาเพิ่มเติมจาก PRK โดยตัดขั้นตอนการลอกผิวกระจกตาด้วยมือหรือสารเคมีออกไป ใช้เลเซอร์ทำทั้งหมดในขั้นตอนเดียว ทำให้เนื้อเยื่อถูกกระทบน้อยลง ผู้เข้ารับการรักษาจึงมักรู้สึกไม่ระคายเคืองหรือแสบตาเท่ากับ PRK แบบเดิมในช่วง 1–3 วันแรกหลังผ่าตัด

ข้อจำกัดของ Trans PRK

แม้ว่า Trans PRK จะมีจุดเด่นในเรื่องความปลอดภัยจากการไม่ต้องเปิดฝากระจกตา แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ผู้เข้ารับการรักษาควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ ดังนี้
ระยะเวลาฟื้นตัวนานกว่าวิธีเลสิคแบบอื่น
โดยเฉลี่ยผู้ป่วยต้องใช้เวลาประมาณ 2–3 สัปดาห์จึงเริ่มมองเห็นชัดเจนในระดับที่ใกล้เคียงกับปกติ ซึ่งถือว่านานกว่าการทำ Femto LASIK หรือ ReLEx SMILE ที่สามารถเห็นผลได้เร็วกว่าในไม่กี่วันแรกหลังผ่าตัด
มีอาการไม่สบายตาช่วง 2–4 วันแรก
หลังการผ่าตัด ผู้เข้ารับการรักษาอาจรู้สึกระคายเคือง แสบตา แพ้แสง หรือมีน้ำตาไหลมากกว่าปกติ อาการเหล่านี้เป็นผลจากการที่ผิวกระจกตาชั้นบนถูกลอกออกเพื่อให้เลเซอร์ทำงานได้โดยตรง ซึ่งจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน
ต้องใส่คอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษเพื่อปิดแผลชั่วคราว หลังผ่าตัด แพทย์จะใส่คอนแทคเลนส์ชนิดใช้ทางการแพทย์เพื่อปกป้องแผลผ่าตัดและช่วยให้ผิวกระจกตาสร้างตัวใหม่ โดยต้องใส่ไว้ประมาณ 5–7 วัน และให้แพทย์เป็นผู้ถอดออกเมื่อแน่ใจว่าแผลหายดีแล้ว
มีความเสี่ยงต่อการเกิดฝ้าที่กระจกตาในบางราย
โดยเฉพาะในผู้ที่มีแนวโน้มเป็นคีลอยด์ง่าย หรือมีระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานผิดปกติ เช่น ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ตัวเอง (autoimmune disease) การตอบสนองของร่างกายที่มากเกินไปในช่วงฟื้นตัวอาจทำให้เกิดฝ้าที่กระจกตา ซึ่งแม้จะสามารถควบคุมได้ด้วยยาหยอดและการติดตามผลอย่างใกล้ชิด

ขั้นตอนการทำ Trans PRK

ขั้นตอนการทำ Trans PRK ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 5 นาทีต่อข้าง และไม่ต้องเปิดฝากระจกตาเหมือนเลสิคแบบทั่วไป โดยมีลำดับขั้นตอนหลักดังนี้

1
หยอดยาชาเฉพาะที่ เพื่อลดความรู้สึกไม่สบายระหว่างการรักษา ผู้เข้ารับการรักษาจะได้รับยาชาหยอดตาโดยไม่ต้องฉีดยา
2

ยิงผิวกระจกตาชั้นบนสุดออกด้วย Excimer Laser เลเซอร์จะกำจัดเนื้อเยื่อกระจกตาชั้นบนสุดอย่างแม่นยำโดยไม่ต้องใช้ใบมีดหรืออุปกรณ์แยกชั้นใดๆ

3
ปรับรูปร่างกระจกตาด้วยเลเซอร์ในขั้นตอนเดียวต่อเนื่อง ระบบเลเซอร์จะยิงต่อเนื่องเพื่อปรับความโค้งของกระจกตาให้เหมาะสมกับค่าสายตาของแต่ละคน ช่วยให้การมองเห็นคมชัดขึ้น
4
ใส่คอนแทคเลนส์พิเศษเพื่อปิดแผล หลังเลเซอร์ แพทย์จะใส่เลนส์ชนิดพิเศษ (bandage contact lens) เพื่อช่วยให้กระจกตาสร้างเนื้อเยื่อใหม่ได้สมบูรณ์ และลดอาการระคายเคืองในช่วงฟื้นตัว

การเตรียมตัวก่อนทำ Trans PRK

แม้ว่า Trans PRK จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัยและไม่ซับซ้อน แต่การเตรียมตัวล่วงหน้าก็มีความสำคัญมาก เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดและลดความเสี่ยงในการฟื้นตัว โดยมีข้อแนะนำสำคัญดังนี้

ถอดคอนแทคเลนส์ล่วงหน้า

  • ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มควรถอดอย่างน้อย 5-7 วัน ก่อนการตรวจวัดค่าสายตา ส่วนคอนแทคเลนส์ชนิดแข็งควรถอด ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ เนื่องจากเลนส์อาจทำให้กระจกตาเสียรูป ส่งผลต่อความแม่นยำในการประเมินค่าผ่าตัด

งดการใช้ยารักษาสิวกลุ่ม Isotretinoin (Roaccutane)

  • ควรงดยากลุ่มนี้ อย่างน้อย 1 เดือนก่อนวันผ่าตัด เนื่องจากอาจมีผลต่อกระบวนการสมานแผลของกระจกตา และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด

เลี่ยงการใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม

  • ในวันผ่าตัด ควรงดแต่งหน้า งดทาครีมรอบดวงตา และหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นน้ำหอมรอบใบหน้า เพราะอาจรบกวนการทำงานของเครื่องเลเซอร์

พักผ่อนให้เพียงพอ และสวมเสื้อผ้าที่เปลี่ยนได้ง่าย

  • ควรนอนหลับอย่างน้อย 6–8 ชั่วโมงในคืนก่อนการผ่าตัด เพื่อให้ร่างกายพร้อมที่สุด และแนะนำให้สวมเสื้อแบบติดกระดุมหรือซิปด้านหน้า เพื่อความสะดวกในการเปลี่ยนเสื้อหลังทำหัตถการ

การดูแลตัวเองหลังผ่าตัด

การฟื้นตัวหลังการทำ Trans PRK อาจใช้เวลานานกว่าการทำเลสิคแบบมี flap เล็กน้อย ดังนั้นการดูแลตัวเองอย่างถูกต้องในช่วงแรกจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แผลหายดีและลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้มากที่สุด โดยมีคำแนะนำหลัก ๆ ดังนี้

หยอดยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

  • ยาหยอดตาในกลุ่มยาปฏิชีวนะ ยาสเตียรอยด์ และยาลดการอักเสบ มีบทบาทสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อและช่วยลดการอักเสบของกระจกตา จึงควรปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด

หยอดน้ำตาเทียมบ่อย ๆ

  • การหยอดน้ำตาเทียมจะช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้น ลดความรู้สึกเคืองตา และช่วยให้กระจกตาสร้างเนื้อเยื่อใหม่ได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 1–2 สัปดาห์แรกหลังผ่าตัด

ทานวิตามินซีเสริม

  • วิตามินซีมีบทบาทในการสร้างเนื้อเยื่อ จึงแนะนำให้รับประทานในช่วงระหว่างฟื้นตัว

งดออกแดดหรือกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อย 3 เดือนแรก

  • แสงยูวีอาจกระตุ้นให้เกิดฝ้าหรือทำให้กระจกตาหายช้า ควรหลีกเลี่ยงแดดจัด และหากจำเป็นต้องออกกลางแจ้ง ควรใส่แว่นกันแดดที่ป้องกัน UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลีกเลี่ยงการใช้สายตาหนักในช่วงแรก

  • ควรงดการจ้องหน้าจอมือถือ คอมพิวเตอร์ หรืออ่านหนังสือเป็นเวลานานในช่วง 1 สัปดาห์แรก เพื่อให้ดวงตาได้พักเต็มที่

ระวังไม่ให้น้ำ ฝุ่น ควัน หรือเหงื่อเข้าตา

  • ในช่วงสัปดาห์แรกหลังผ่าตัด ควรหลีกเลี่ยงสิ่งแปลกปลอมที่อาจระคายเคืองดวงตา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ เช่น การว่ายน้ำ ออกกำลังกายหนัก หรืออยู่ในที่มีฝุ่นควันมาก

          Trans PRK เป็นหนึ่งในนวัตกรรม เทคโนโลยีเลสิคไร้สัมผัสที่พัฒนาเพื่อรองรับผู้ที่มีข้อจำกัดด้านกระจกตา หรือไม่สามารถทำเลสิคแบบเปิดฝากระจกตาได้ โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีอาชีพเสี่ยงหรือเน้นความปลอดภัยสูง แม้จะใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่าเทคนิคอื่นเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้มีความคงที่ และช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจาก flap ได้อย่างชัดเจน
          หากคุณกำลังมองหาวิธีรักษาสายตาที่ ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และให้ผลลัพธ์ระยะยาวโดย ไม่มีภาวะแทรกซ้อน จักษุแพทย์ที่ เลสิคหมอจตุพรพร้อมให้คำปรึกษาและตรวจวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้คุณได้วิธีรักษาที่เหมาะสมกับดวงตามากที่สุด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้เหล่านี้มีความสำคัญต่อการให้บริการบนเว็บไซต์แก่คุณและเพื่อให้คุณสามารถใช้คุณลักษณะบางอย่างได้ คุกกี้เหล่านี้ช่วยในการยืนยันตัวบุคคลของผู้ใช้งานและช่วยป้องกันการปลอมแปลงบัญชีผู้ใช้งาน หากไม่มีคุกกี้เหล่านี้เราอาจไม่สามารถให้บริการแก่คุณได้ เราใช้คุกกี้ดังกล่าวนี้เพื่อให้บริการแก่คุณ

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์/เพื่อประสิทธิภาพ (Analytical/Performance Cookies)

    คุกกี้เหล่านี้ช่วยให้เราจดจำและนับจำนวนผู้ใช้งานบนไซต์ของเรา รวมถึงทำให้เราเข้าใจถึงวิธีการที่ผู้ใช้งานใช้งานบนเว็บไซต์ของเรา สิ่งเหล่านี้จะช่วยปรับปรุงวิธีการทำงานของเว็บไซต์เรา เช่น เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้งานสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น

บันทึกการตั้งค่า